หลักการเขียนลายเซ็นแบบง่าย ๆ ถูกต้องตามลักษณะและเป็นลายเซ็นที่ดีควรจะทำอย่างไรบ้าง
1. ต้องใช้สติในการเขียน ให้เขียนลายเซ็นด้วยสติ อย่าใช้อารมณ์เขียนเขียนจรดปากกาอย่างมีสติ ควบคุมเส้นให้มั่นคงและเขียนตามโครงสร้างของลายเซ็น การเขียนแบบหวัดมากมันจะมีผลต่อการเขียนลายเซ็น เพราะว่าอารมณ์เราคอนโทรลต้องใช้สติคอนโทรล มันถึงจะทำให้คุณมีพลังในการเขียน
2. เริ่มเขียนจากพยัญชนะนำตำแหน่งที่ 1 เขียนให้ใหญ่ เต็มตัวแบบสมบูรณ์ และหัวในพยัญชนะหรือสระที่มีหัว คือเรื่องของความคิดในเชิงสร้างสรรค์
ถ้า มีหัวควรจะเซ็นให้มีหัว ถ้าไม่มีหัวอย่าเติม ไม่เซ็นให้ขาหรือเกิน เช่น ส. ต้องเป็น ส.ที่มีหาง ไม่ใช่ ล.ลิง หรือการเซ็น ค. เซ็นเป็น ศ.ศาลาเป็นต้น
และที่สำคัญคืออย่าเขียนย้อนกลับมา เพราะจะหมายถึงความคิดแปรปรวน
3.ตำแหน่งบริวารเว้นวรรคกับตำแหน่งประธาน (ตำแหน่ง 1 กับ 2) เว้นช่องไฟขนาดเศษหนึ่งส่วนสองของตัวอักษร อย่าเซ็นให้ติดกัน
ลาย เซ็นให้มีขนาดเล็กกว่าตำแหน่งที่ 1 ให้อยู่ในตำแหน่งที่ 2.1 ถ้าอยู่ในตำแหน่ง 2.2 ก็จะทำให้ตำแหน่งของพยัญชนะนำหรือประธานลํ้ามาอยู่ในโซนตํ่า แสดงว่าบริวารจะมีอิทธิพลเหนือกว่าตัวเรา
หรือถ้าตำแหน่งที่ 2 ไม่มีช่องไฟกับตำแหน่งที่ 1 ก็จะแสดงว่าบริวารและตัวเราเข้ามาพัวพันหรือเข้ามามีอิทธิพลต่อเรา
ซึ่งอาจจะเป็นทางร้ายก็ได้
4.เว้นช่องไฟให้ถูกต้อง ขนาดของตำแหน่งช่องไฟระหว่าง 1 กับ 2 และ 4 กับ 5 ควรมีขนาดเศษหนึ่งส่วนสองของตัวอักษร
ส่วน ช่องไฟระหว่าง 2 กับ 4 ควรมีขนาดเท่ากับหนึ่งตัวอักษร เทียบจากขนาดตัวอักษรในการเซ็นของคุณ การเว้นระยะที่เหมาะสมของช่องไฟในแต่ละชุดจะทำให้ชีวิตคุณดำเนินได้อย่างไม่ สมดุล ไม่วุ่นวาย
5.ตำแหน่ง พยัญชนะนำของนามสกุลต้องมีขนาดเท่ากับ 1 หรือไม่น้อยกว่าเศษสามส่วนสี่ของตำแหน่งที่ 1 และควรเขียนให้มีความสมบูรณ์ครบถ้วน ในอีกความหมายหนึ่งของตำแหน่งที่ 1 และ 4 ซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญ ตำแหน่งที่ 1 คือหมายถึงหาทรัพย์เข้ามา และตำแหน่งที่ 4 หมายถึง การจ่ายออก
ถ้า 1 เล็กกว่า 4 ก็แปลว่าหาได้น้อยกว่าจ่าย ซึ่งจะทำให้เกิดความไม่สมดุลทางด้านการเงิน 6.เว้นวรรคตำแหน่ง 4 กับ 5 ตำแหน่งพยัญชนะนำต้องเว้นช่องไฟให้กับบริวาร ตำแหน่งญาติพี่น้อง ลูกหลานก็มีหลักการเดียวกัน
เว้น ระยะช่องไฟระหว่าง 4 กับ 5 ขนาดเศษหนึ่งส่วนสองตัวอักษร เซ็นให้ตัวเล็กกว่า 4 และอยู่ในตำแหน่งที่ 5.1 อย่าเซ็นให้ติดกัน 7.การเซ็นสระและวรรณยุกต์ต้องเซ็นที่หลัง สระที่อยู่ในชื่อมักจะทำให้รูปแบบของลายเซ็นเสียหาย และเป็นเรื่องที่ควบคุมยาก สระเอกับสระแอที่นำหน้าส่วนใหญ่มักจะลากเป็นกำแพง ดังนี้
หลัก ในการเขียนสระและวรรณยุกต์คือ ให้เซ็นหลังสุดหลังจากที่เขียนชื่อแล้วและเขียนนามสกุลแล้ว ไม่ให้สระเออยู่สูงกว่าพยัญชนะนำ ยกเว้นสระ โ ไ ใ ซึ่งอยู่สูงกว่าธรรมชาติ เพราะฉะนั้นการเขียนสระทีหลังเพื่อให้เรามีสติควบคุมเส้นไม่ให้เกินตำแหน่ง ที่กำหนดไว้
และนี่คือเป็นหลักการของการเขียนลายเซ็น ถ้าคุณเลือกเซ็นลายเซ็นอย่างนี้ละก็ รับรองว่าลายเซ็นคุณสมบูรณ์แน่นอน
1.ลาย เซ็นต์ตัดตัวเอง ห้ามเซ็น ลายเซ็นต์ตัดตัวเองในตำแหน่งที่ 1 จะมีความหมายไม่ดีต่อสุขภาพ ร่างกาย เป็นการตัดหือทิ่มแทงตัวเอง หรือเซ็นตัดทุกตำแหน่ง ต้องแก้ไขนะ เป็นเรื่องที่ซีเรียสมากสำหรับลายเซ็นต์ เดี่ยวจะขยายความเรื่องลายเซ็นต์กับสุขภาพ ตัวอย่างการเซ็น ลายเซ็นต์ตัดตัวเอง
2.ลาย เซ็นต์เป็นเส้นแทง เส้นแทงมีความหมายถึงการทำร้ายตำแหน่งของตัวเอง ตัวอย่างเส้นแทงที่พบบ่อยคือ เกิดจากรูปแบบตัวอักษร ส. ศ. เกิดจากวิธีการเขียน ธ. ร.
เส้นที่เกิดจากการลากตวัดมือ
3.ลาย เซ็นต์พยัญชนะเกินกรอบ ไม่มีอักษรส่วนเกินนอกเส้นกรอบ เดี๋ยวจะอธิบายเรื่องกรอบของพยัญชนะ แต่หลักการคืออย่าเขียนออกนอกกรอบและเขียนเกินตัวอักษร
4.ลาย เซ็นต์พันกัน อย่าเซ็นพันกัน ลายเซ็นต์ที่มีลักษณะที่พันกันยุ่งเหยิงเหมือนเส้นด้าย เปรียบเสมือนชีวิตที่พบกับความยุ่งยาก ไม่สามารถสะสางปัญหาได้ และจะมีอุปสรรคในชีวิต ขาดระบบระเบียบ ขาดการจัดการ ระบบความคิดไม่ดี ส่วนมากลายเซ็นแบบนี้จะเป็นโรคประสาท
5.ลาย เซ็นต์สระยาวเกินไป อย่าลากสระยาวเกินความจำเป็น การลากสระอุ สระอู ยาวเกินไปจะบ่งบอกถึงว่า ลายเซ็นต์ส่วนใหญ่อยู่ในโซนตํ่า สิ่งเหล่านี้จะบอกถึงเรื่องอดีตเก่า ๆ ที่ผ่านมา
6.ลาย เซ็นต์ตัวอักษรขาด อย่าลากตัวอักษรขาด หมายความว่า เซ็นพยัญชนะเดียวแต่ยกปากกาขึ้น ทำให้ตัวพยัญชนะขาดออกจากกัน เช่น คำว่า ปกรณ์ แบบนี้ จะทำให้พยัญชนะนำของตัวอักษรสำคัญขาด อันนี้เสียหายมาก เป็นอันตรายทีเดียว หรือย่างเช่น ทศธรรม ถ้าเขียนอย่างนี้ ความไม่สมบูรณืของตัวอักษรตัวพยัญชนะประธานก็คือความไม่สมบูรณ์ของตัวคุณเอง
7.ลาย เซ็นต์สระที่อยู่หน้าเป็นกำแพง อย่าเซ็นสระเป็นกำแพงกั้นตัวเอง อย่างที่อธิบายไปแล้วในวิธีการเซ็นสระ ซึ่งบางคนอาจจะเห็นว่ายุ่งยากก็สามารถตัดออกจากลายเซ็นต์ได้ โดยไม่เสียหายอะไร
8.ลาย เซ็นต์กลับหลัง อย่าเซ็นกลับหลัง เช่น เซ็น ส. แทนที่จะเป็น ส. ก็เซ็นเป็น s การทำแบบนี้ทำให้ระบบต่าง ๆ ในความคิดผิดปกติ พยัญชนะขาดพลังและขาดทิศทางที่ถูกต้อง
1. ประธาน
2. บริวาร
3. ช่องไฟ
4. สกุล
5. เครือญาติ
ตำแหน่งประธาน หมายถึง พยัญชนะตัวแรกของเราถือว่าเป็นตำแหน่งของเรา ตำแหน่งที่สอง คือบริวาร หมายถึงญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงบริวารต่าง ๆ ต่อไป คือ ช่องไฟ และตามด้วยนามสกุล นามสกุลเป็นพยัญชนะตัวแรกของเรา แล้วก็ตามด้วยเครือญาติ
ลายเซ็นของเรามี หลายตำแหน่ง แต่ว่าตำแหน่งที่สำคัญที่สุดคือประธาน ซึ่งอยู่เป็นตัวแรก เป็นตำแหน่งที่1 เราต้องเขียนตัวประธานให้ใหญ่ เช่น ผมชื่อชาญณรงค์ ผมต้องเขียนพยัญชนะ ช. ให้อยู่ในกรอบของหมายเลข 1 และตามด้วยบริวาร หมายเลข 2 จำเป็นที่จะต้องเขียนเว้นจากตัวแรก อย่าเชื่อมติดกับตัวประธาน ปกติหลายคนจะเขียนชื่อและบริวารติดกัน .ซึ่งมันจะบ่งบอกถึงเรื่องความผูกพันกับบริวาร ซึ่งจะกล่าวถึงช่วงต่อไป
ตำแหน่ง ต่อไปคือ ตำแหน่งที่ 3 ช่องไฟ ง่าย ๆ คุณเพียงแค่เอาปากกาของคุณวางทาบ เว้นช่องไฟให้เท่ากับหนึ่งช่องปากกา และตัวต่อไปคือนามสกุล หมายเลข 4 พยัญชนะ พยัญชนะตัวแรกของคุณเป็นอะไร เช่น ผมนามสกุลขันทีท้าว ผมจะเขียน ข.จะอยู่ตำแหน่งเดียวกับประธาน แต่ว่าขนาดจะไม่เท่ากับประธานจะอยู่ประมาณ 3 ใน 4 และตัวต่อไปตามหลังตัวแรกของนามสกุล ก็เป็นเครือญาติ คือบริวารในครอบครัว
คุณเขียนนามสกุลยาวบ่งบอกถึงเรื่องบางอย่างในเครือญาติ เงินทอง ชื่อ เสียง เกียรติยศ ของคุณ
โครงสร้างของลายเซ็นตามช่วงอายุ
เราพูดถึงโครงสร้างลายเซ็นต์ไปแล้ว ต่อไปเราจะเขียนลายเซ็นต์อย่าง ไรตามกฎเกณฑ์อายุ ซึ่งเรามักเริ่มเขียนลายเซ็นตั้งแต่อายุ 15 ปีจนถึงอายุ 35 ปี ซึ่งถือว่าอยู่ในเเกณฑ์ ครึ่งของชีวิต เพราะฉะนั้น ช่วงต้นของชีวิตเราจะต้องเขียนพยัญชนะชื่อเราให้ยาวกว่า นามสกุล ดังนี้
กฎเกณฑ์ของลายเซ็นต์อายุตํ่ากว่า 35 ปี ควรเซ็นชื่อให้ยาวกว่านามสกุล ซึ่งสามารถเซ็นได้ 2 วิธี
1. เซ็นเฉพาะชื่ออย่างเดียว
2. เซ็นชื่อ และนามสกุลย่อ
เมื่อ อายุเลย 35 ปีไปแล้ว คนจีนบอกว่าราศีของคนจะเปลี่ยนไป จะตกที่ตา หมายถึงว่าการเจริญเติบโตก้าวหน้า เราจะเขียนพยัญชนะชื่อเราสั้นกว่านามสกุล
กฎเกณฑ์ลายเซ็นอายุ 35 ปีขึ้นไป
ให้เซ็นนามสกุลยาวกว่าชื่อ และในกรณีที่ชื่อยาวกว่านามสกุล ให้เซ็นชื่อแบบย่อ และนามสกุลเต็ม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น