วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554

ตั้งชื่อ

กลยุทธการตั้งชื่อลูกรัก

กลยุทธการตั้งชื่อลูกรัก

กลยุทธการตั้งชื่อลูกรัก

แค่ตั้งชื่อลูกเท่านี้ ฟังดูง่าย แต่บางครอบครัวใช้เวลาแรมเดือน แรมปี ทีเดียวนะคะ

กว่าจะเลือกชื่อลูกได้ถูกใจแต่บางครอบครัวก็เพียงแค่นำชื่อคุณพ่อมาผสมกับชื่อ

คุณแม่ ถ้าสมาสชน สนธิเชื่อมแล้วออกมาดูดี ก็ตั้งชื่อให้ลูกได้เลย....

ไม่ ว่าจะคุณแม่จะใช้วิธีใดในการตั้งชื่อลูก เช่น ตั้งกันเอง, พระตั้งให้, ญาติผู้ใหญ่

ตั้งให้, หรือเปิดตำราว่าด้วยการตั้งชื่อที่เป็นสิริมงคล ตัวพยัญชนะที่ให้คุณ ถูกโฉลก

ก็ยังมีข้อที่น่าคิดบางประการที่น่าสนใจในการตั้งชื่อลูก มาให้พิจารณา เราติดตาม

กันดีมั้ยคะว่า น่าคำนึงถึงเรื่องใดกันบ้าง......

ข้อควรพิจารณาในการตั้งชื่อลูก นอกเหนือจากการตั้งชื่อตามตำรา

ควรคำนึงว่าเมื่อตั้งชื่อให้ลูก ลูกจะต้องใช้ชื่อนี้ต่อไปในอนาคต
จริงอยู่ หากลูกไม่ถูกใจก็สามารถเปลี่ยนชื่อได้เอง เมื่อเติบโตขึ้น แต่กว่าจะทำเช่น

นั้นได้ ลูกก็ต้องใช้ชื่อนี้ไปอย่างน้อย 10 - 18 ปี บางชื่ออาจดูน่ารักเมื่อยังเป็นเด็ก

แต่ถ้าเป็นหนุ่มเป็นสาว หรือเป็นผู้ใหญ่แล้ว ชื่อนี้จะยังเรียกได้ไม่ตะขิดตะขวงใจ

ใช่มั้ย? (คุณคงไม่อยากให้ชื่อลูกไปอยู่ในเมล์ที่เค้าฟอร์เวิร์ดกันต่อๆ ไปเกี่ยวกับ

คนชื่อแปลก หรอกนะ) เช่น ชื่อ หนุ่มน้อย (ฟังดูน่ารัก เมื่ออายุ 4 ขวบ แต่ถ้าอายุ 45 ปีล่ะ)

ชื่อมีหลายพยางค์เกินไปหรือเปล่า?
บางครั้งชื่อที่ยาวเกินไปก็ดูดี แต่ถ้าประกอบกับนามสกุลก็ยาวเฟื้อยด้วยแล้ว ลูก

คุณคงอยากตัดบางพยางค์ออกจากชื่อบ้างเป็นแน่แท้ ยิ่งไม่ต้องคิดเลย เมื่อลูกคุณ

ไปเรียนต่อเมืองนอก..เมื่อไหร่ที่ครูเรียกชื่อนักเรียนอยู่ดีๆ แล้วจู่ๆ ก็หยุด เพ่งมอง

กระดาษในมืออีกครั้ง แล้วเริ่มออกเสียงตะกุกตะกัก...อย่ารอช้า....รีบบอกลูกให้

ขานรับทันที... นั่นแหล่ะ อาจารย์ฝรั่งกำลังเรียกชื่อลูกคุณ ถูกแล้วค่ะ เช่น กุสุมาลย์

วลัย พัชราพฤกษานนท์ (ชื่อสมมุติ หากพ้องกับท่านใด ต้องขออภัยด้วยค่ะ)

ถ้านามสกุลยาว จะตั้งชื่อสั้น ไม่ควรเกินสองพยางค์ก็ดีค่ะ สะดวกดี ไม่มีปัญหาเวลากรอกชื่อใส่ช่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสเวลากรอกใบสมัครทั้งหลาย แต่ถ้านามสกุลสั้น กระชับ จะตั้งชื่อยาวก็ได้ ไม่มีปัญหา เช่น วิลาสินี ใจงาม, อัญชลิกา ก่องแก้ว จากนั้นลองอ่านออกเสียงดูว่า คล้องจอง ไปกันได้ดีกับนามสกุลหรือเปล่า ทั้งชื่อและนามสกุลออกเสียงแล้วฟังดูรื่นหู เช่น คม อาจณรงค์ หรือ พลอย มุทิตาจิต

ng> อยากให้ลูกมีชื่อที่ฟังดูก็รู้ทันทีว่าเป็นผู้หญิง หรือ คมเข้ม ฟังแล้วรู้ว่า เด็กชายแน่นอน เช่น

ชื่อออกแนว ผู้หญิ๊งผู้หญิง - เด่นนภา, พลอยรัมภา, เพียงนภา, สร้อยฉัตร

ชื่อออกแนว ผู้ชายมาดแมน - คม, กล้า, กาจฤทธี, อธิคม, เชิงชาย อย่างนี้ไม่มีปัญหา ฟังดูดี แต่ถ้าชื่อออกแนวหวาน แต่เป็นเด็กผู้ชาย ลูกคุณอาจมีปัญหาในหมู่เพื่อน โดยเฉพาะเมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่น เช่น เด็กชาย อนัญฤดี (ในกรณีที่อาจเป็นหลานชายคนแรกของคุณปู่ แล้วคุณปู่ชื่อ อนัญ จึงอยากได้ชื่อ ที่แสดงความเป็นขวัญใจของคุณปู่) หรือ เด็กหญิง สมเกียรติ (ซึ่งคุณปู่คุณตา อาจต้องการให้หลานได้ชื่อว่า เกิดมาสมเกียรติยศ ก็ได้) ลองนึกถึงใจของลูกเมื่อโตขึ้นแล้วต้องใช้ชื่อที่เราตั้งให้ด้วยนะคะ

มีชื่อญาติผู้ใหญ่ คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย ผู้มีพระคุณ ที่เราอยากให้ประสมอยู่ในชื่อหรือไม่
เช่น บังอรภัค (คุณยาย ชื่อ บังอร) หรือประเพณีนิยมที่ว่า ถ้านามสกุลนี้จะต้องตั้งชื่อที่มีคำบางคำ อยู่ในชื่อของสมาชิกทุกคนในตระกูล เช่น จักรภพ จักรภัค ทองจักร จักรา จักรกฤช (ตระกูลนี้มีกฏว่าทุกคนต้องมีคำว่า "จักร" อยู่ในชื่อ) หรือ เพชรแท้, เพชรทิพย์ เพชรประดับ จักรเพชร เพชรพรรณี เฟื่องเพชร รวงเพชร พวงเพชร (ตระกูลนี้อาจต้องการให้ลูกหลานทุกคน มีคำว่า "เพชร" อยู่ในชื่อทุกคน) อย่างนี้เป็นต้น

ชื่อสะกดแปลกไปจากปกตินิยมที่สะกดชื่อกันหรือไม่
คน นอกครอบครัวจะไม่สามารถสะกดชื่อลูกคุณได้ถูกต้องในครั้งแรก ดังนั้น ลูกคุณจึงมีสิทธิ์ที่จะต้องสละเวลาสะกดชื่อให้คนอื่นฟังทุกครั้งเมื่อไป ติดต่อธุรการงานด้วย เช่น ชื่อ จรรณย์จิฬา (จันจิรา) หรือ ณรรต (ณัฐ)

ใช้ชื่อพยางค์เดียวเป็นชื่อจริง
ซึ่งคนมักเข้าใจผิดว่า เป็นชื่อเล่น เช่น พลอย มุทิตาจิต (คนมักจะถามกันว่า ชื่อจริงหรือชื่อเล่นคะ, หรือ เมื่อบอกไปแล้ว เจ้าหน้าที่อาจทำเสียงไม่พอใจ แล้วพูดตึงๆ ว่า ขอชื่อจริงค่ะ คุณก็ต้องยืนยันกับเจ้าหน้าที่อีกครั้งว่า นี่แหล่ะค่ะ ชื่อจริงค่ะ) ทีนี้พอลูกเข้าโรงเรียน อาจไปชนกับเพื่อนในห้องที่มีชื่อเล่นเดียวกับชื่อจริงลูกคุณก็ได้ ครูก็ต้องเรียกชื่อลูกคุณ พร้อมด้วยนามสกุล ติดไปด้วยทุกครั้ง ไม่ก็เรียกเบิ้ลชื่อลูกคุณ เช่น พลอย พลอย (ชื่อเล่น และชื่อจริง) ส่วนเด็กอีกคนที่มีชื่อเล่นว่า พลอย ครูก็เรียกว่า พลอย เฉยๆ

ความหมายของชื่อ
ชื่อที่กำลังจะตั้งให้ลูกมีความหมายว่าอย่างไร โดยทั่วไปชื่อที่ตั้งมักมีความหมายที่ดี เป็นสิริมงคลต่อเจ้าของชื่ออยู่แล้ว ถ้าเป็นไปได้ ควรแน่ใจว่า ชื่อและคุณสมบัติของเจ้าของชื่อมีความเป็นไปได้ที่จะสอดคล้องกัน อย่าให้แตกต่างจนเกินไปนัก มิ ฉะนั้น ลูกอาจถูกล้อเลียนได้ เช่น ชื่อ วิลิศมาหรา

หวัง ว่าคงจะตั้งชื่อลูกได้ถูกใจนะคะ และที่สำคัญ ให้ความรัก ความอบอุ่นแก่ลูกน้อย รวมทั้งการอบรมเลี้ยงดูที่มีคุณภาพ เป็นสิ่งที่มีส่วนสำคัญในการช่วยให้ลูกประสบความสำเร็จในอนาคตได้ค่ะ


หลักการตั้งชื่อตามหลักเลขศาสตร์

หลักการตั้งชื่อตามหลักเลขศาสตร์
หลัก การของเลขศาสตร์มีอยู่ว่า ใช้ชื่อที่มีอักษรนำหน้าเป็นอักษรให้คุณแก่ชะตาชีวิตโดยดูดาวที่ส่งผลที่ดี เป็นดาวดีส่งเสริมเจ้าชะตา และเมื่อรวมเลขแล้วจะได้เลขดี มีมงคลแก่ตัว เป็นแรงหนุนชีวิตที่ดี แต่ที่สำคัญเลขที่ได้นั้นต้องสอดคล้องกับชะตาของบุคคลนั้นๆ ด้วย จึงจะได้ผลอย่างแท้จริง กล่าวว่าในแต่ละอักษรต่างมีค่าตัวเลข หรือกำลังประจำอักษร เมื่อนำมารวมกันจะได้ค่าต่าง ๆ ซึ่งมีความหมายดีร้ายต่างกัน

หลัก การตั้งชื่อตามเลขศาสตร์จึงถูกนำมาใช้ประกอบในการตั้งชื่ออยู่เสมอ โดยหลักเลขศาสตร์นี้สามารถใช้ได้กับทั้งการตั้งชื่อ และนามสกุล เพราะนอกจากการตั้งชื่อให้มีกำลังของเลขที่ดีแล้ว การตั้งนามสกุล และผลรวมของชื่อกับนามสกุลให้มีกำลังเลขที่ดีก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นเดียว กัน ดังนั้นการใช้หลักเลขศาสตร์ตรวจสอบชื่อจะช่วยให้ได้ชื่อที่ดีมากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ต้องใช้ร่วมกับหลักของการตั้งชื่อตามหลัก ทักษาประกอบด้วย เพื่อให้ได้ผลดีที่สุด


บางตำรานั้นให้ดูแต่ ?ชื่อตัว? อย่างเดียว แต่สำหรับตำรานี้ให้ดู 2 ทาง คือ

1. ดู ?ชื่อตัว?
2. ดู ?ชื่อตัว? บวกกับ ?นามสกุล?

?ชื่อตัว? ได้เลขเท่าใดจะบอกได้ว่าพื้นดวงของเจ้าตัวนั้นมีโชควาสนามีฐานนิสัยใจคอ อย่างไรบ้าง แต่เมื่อนำเลข ?ชื่อตัว? มาบวกรวมกับ ?นามสกุล? แล้วจะดูได้ว่า ภาพรวมของชะตาชีวิตจะได้ดีมีสุขอย่างไร จะเป็นตายร้ายดี มีเงินมีลาภยศปรากฏมาก ? น้อยอย่างไรบ้างนั่นเองการจะรู้ภาพรวมของความเป็นไปในชะตาชีวิตจึงต้องดู ทั้ง ?ชื่อตัว? และ ?นามสกุล? บวกรวมกันเป็นสำคัญ

ถ้า ชื่อตัวได้เลขดีแล้วแต่พอมาบวกรวมกับนามสกุลแล้วได้เลขไม่ดีจริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อ อาจจะแก้เคล็ดด้วยการ ?เติม? หรือ ?ลด? ตัวสะกดตัวการันต์ในชื่อหรือในนามสกุลเพื่อให้บวกได้เลขที่ดีก็ใช้ได้

อย่าลืมว่าถ้าเลขมีส่วนเสียเล็กน้อยก็ไม่จำเป็นต้องเดือดร้อนวุ่นวายไป เปลี่ยนชื่อ ให้แก้ให้ปรับที่วิถีชีวิตและที่ตนเอง เช่น ถ้าได้เลขเกี่ยวกับ ?8? อันเป็นเลขพลังดาวราหู ซึ่งจะส่งผลให้ฝักใฝ่อบายมุข ชอบเที่ยวชอบดื่มกิน และลุ่มหลงง่าย เมื่อเรารู้ส่วนเสียเราก็ต้องปรับที่ตัวเรา ตั้งสติให้ดีให้มั่นคง มีความหนักแน่นในการดำเนินชีวิต ไม่เลี้ยวออกนอกลู่นอกทาง ทุกอย่างก็ย่อมจะดีมากกว่าเสียแน่นอน


ให้พึงระวังเฉพาะเลขที่อันตราย มีผลให้เกิดอุบัติเหตุ และเคราะห์ภัยหนักๆ เท่านั้นเป็นพอ

บาง ท่านชอบชื่อเดิมของตนเอง แต่ได้เลขไม่ดี ก็ไม่ต้องไปเปลี่ยนใหม่ แค่เติมเพิ่มคำเข้าไปอีกนิด เลือกที่ความหมายดีๆ และถอดเลขออกมาแล้วบวกให้เป็นเลขที่ดีเท่านั้นก็เพียงพอ เช่น ถ้าชื่อ ณัฐรัตน์ (43) ไม่ดีก็เปลี่ยนเป็น ณัฐรัชต์ (40)

ชื่อ ?นภา? ถ้าบวกกับนามสกุลแล้วได้เลขไม่ดี ก็เปลี่ยนเป็นนภาพร หรือพรนภา จะได้ยังคงมีชื่อเดิมที่ตนรักชอบเอาไว้ หรือถ้าชื่อกับนามสกุลบวกรวมกันแล้วได้เลขกำลังดาวที่ไม่ดี ท่านก็แค่ ลด - เพิ่ม-สระ - การันต์สักหน่อยก็ได้ เช่น ชื่อหรือนามสกุลลงท้ายด้วย ?เกียรติ? เราก็อาจเติมการันต์เข้าไป เป็น ?เกียรติ์? เพื่อให้บวกรวมได้ตัวเลขที่ดี ไม่ต้องไปคิดเปลี่ยนใหม่ให้วุ่นวาย ถ้าลงท้ายด้วย ?ชัย? อาจเปลี่ยนเป็น ?ไชย? ก็ได้ ถึงจะผิดรูปไปแต่ก็ยังได้ความหมายที่ดีและพ้องเสียงเดิม เช่นนี้เป็นต้น

สำหรับผู้ที่มีชื่อ ?นามปากกา? ?นามแฝง? หรือชื่อที่ตั้งขึ้นในการแสดงที่ตั้งขึ้นในการแสดงที่ใช้อยู่เป็นประจำ เช่น ?หม่ำ จ๊กมก? ก็ให้ดูที่ชื่อนี้เป็นหลัก เพราะเลขกำลังดาวที่ได้ จะมีผลต่อชะตาชีวิตมากกว่าชื่อจริงในบัตรประชาชน


เทียบค่าตัวอักษรเป็นตัวเลข




ตัวอย่างการถอดชื่อเป็นค่าตัวเลข

ชื่อสมมติ คือ นิธิศ
น=5, อิ=4, ธ=4, อิ=4, ศ=7
นิธิศ = 5+4+4+4+7 = 24

นามสกุลสมมติ คือ สวัสดี
ส=7, ว=6, ไม้หันกาศ=4, ส=7, ด=1, อี=7
สวัสดี = 7+6+4+7+1+7 = 32

ผลรวมของ ชื่อ + นามสกุล = 56

ดูความหมายของ หมายเลข 24, 32, 56



ตั้งชื่อให้เหมาะกับตัวเอง

ตั้งชื่อให้เหมาะกับตัวเอง

คนที่เกิดวันอาทิตย์

ถ้าเป็นผู้ชาย อักษรที่เป็นเดช คือ จ ฉ ช ซ ฌ ญ
ถ้าเป็นผู้หญิง อักษรที่เป็นศรี คือ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ
อักษรที่เป็นกาลกิณี ของคนที่เกิดวันอาทิตย์ คือ ศ ส ษ ห ฬ อ

คนที่เกิดวันจันทร์

ถ้าเป็นผู้ชาย อักษรที่เป็นเดช คือ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ
ถ้าเป็นผู้หญิง อักษรที่เป็นศรี คือ ด ต ถ ท ธ น
อักษรที่เป็นกาลกิณี ของคนที่เกิดวันจันทร์ คือ สระทั้งหมด

คนที่เกิดวันอังคาร

ถ้าเป็นผู้ชาย อักษรที่เป็นเดช คือ ด ต ถ ท ธ น
ถ้าเป็นผู้หญิง อักษรที่เป็นศรี คือ บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม
อักษรที่เป็นกาลกิณี ของคนที่เกิดวันอังคาร คือ ก ข ค ฆ ง

คนที่เกิดวันพุธ

ถ้าเป็นผู้ชาย อักษรที่เป็นเดช คือ บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม
ถ้าเป็นผู้หญิง อักษรที่เป็นศรี คือ ย ร ล ว
อักษรที่เป็นกาลกิณี ของคนที่เกิดวันพุธ คือ จ ฉ ช ซ ฌ ญ

คนที่เกิดวันพุธกลางคืน (เลยเที่ยงคืนของวันพุธ)

ถ้าเป็นผู้ชาย อักษรที่เป็นเดช คือ สระทั้งหมด
ถ้าเป็นผู้หญิง อักษรที่เป็นศรี คือ ก ข ค ฆ ง
อักษรที่เป็นกาลกิณี ของคนที่เกิดวันพุธกลางคืน คือ บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม

คนที่เกิดวันพฤหัสบดี

ถ้าเป็นผู้ชาย อักษรที่เป็นเดช คือ ศ ส ษ ห ฬ อ
ถ้าเป็นผู้หญิง อักษรที่เป็นศรี คือ สระทั้งหมด
อักษรที่เป็นกาลกิณี ของคนที่เกิดวันพฤหัสบดี คือ ด ต ถ ท ธ น

คนที่เกิดวันศุกร์

ถ้าเป็นผู้ชาย อักษรที่เป็นเดช คือ ก ข ค ฆ ง
ถ้าเป็นผู้หญิง อักษรที่เป็นศรี คือ จ ฉ ช ซ ฌ ญ
อักษรที่เป็นกาลกิณี ของคนที่เกิดวันศุกร์ คือ ย ร ล ว

คนที่เกิดวันเสาร์

ถ้าเป็นผู้ชาย อักษรที่เป็นเดช คือ ย ร ล ว
ถ้าเป็นผู้หญิง อักษรที่เป็นศรี คือ ศ ส ษ ห ฬ อ
อักษรที่เป็นกาลกิณี ของคนที่เกิดวันเสาร์ คือ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ


วิธีตั้งชื่อทำอย่างไร

วิธีตั้งชื่อทำอย่างไร

วิธีตั้งชื่อทำอย่างไร

การ ตั้งฉายาหรือชื่อพระ กับตั้งชื่อฆราวาสไม่เหมือนกัน คือ ฉายาพระใช้ อักษรวรรคบริวาร นำหน้า สำหรับฆราวาส ถ้าเป็นชายใช้ อักษรวรรคเดชนำหน้าชื่อ หญิงใช้ อักษรวรรคศรี นำหน้าชื่อเพื่อความเข้าใจโปรดดูแผนภูมิข้างล่างนี้

หมายเลข ๑ เป็นเครื่องหมายแทนวันอาทิตย์
หมายเลข ๒ แทนวันจันทร์
หมายเลข ๓ แทนวันอังคาร
หมายเลข ๔ แทนวันพุธกลางวัน
หมายเลข ๕ แทนวันพฤหัสบดี
หมายเลข ๖ แทนวันศุกร์
หมายเลข ๗ แทนวันเสาร์
หมายเลข ๘ แทนวันราหูวันพุธกลางคืน

ลำดับของทักษาประจำวัน

บริวาร
อายุ
เดช
ศรี
มูละ
อุตสาพะ
มนตรี
กาลกิณี

ตามแผนนี้จะเห็นได้ว่า

คนเกิดวันอาทิตย์ (๑) สระทั้งหมดเป็นบริวาร
คนเกิดวันจันทร์ (๒) ก ข ค ฆ ง เป็นบริวาร
คนเกิดวันอังคาร (๓) จ ฉ ช ซ ฌ ญ เป็นบริวาร
คนเกิดวันพุธกลางวัน (๔) ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ เป็นบริวาร
คนเกิดวันพฤหัสบดี (๕) บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม เป็นบริวาร
คนเกิดวันศุกร์ (๖) ศ ษ ส ห ฬ ฮ เป็นบริวาร
คนเกิดวันเสาร์ (๗) ด ต ถ ท ธ น เป็นบริวาร
คนเกิดวันราหูวันพุธกลางคืน (๘) ย ร ล ว เป็นบริวาร

ถ้าอยากรู้ว่าตัวอักษรไหนเป็นอายุ เป็นเดช ศรี มูละ อุตสาหะ มนตรี กาลกิณี ก็ให้นับบริวารที่ช่องวันเกิด เช่น เกิดวันอาทิตย์ให้นับบริวารที่หมายเลข ๑ แล้วเวียนขวา (ตามเข็มนาฬิกา) ไปตามลำดับดังนี้ บริวาร (๑) อายุ (๒) เดช (๓) ฯลฯ กาลกิณี (๖) ถ้าเกิดวันพฤหัสบดีให้นับบริวารช่องหมายเลข (๕) อายุ (๘) เดช (๖) ศรี (๑) ฯลฯ กาลกิณี (๗) เป็นต้น

ตั้งชื่อ



อักษรที่ห้ามนำมาใช้ตั้งชื่อ คือ อักษรช่องกาลกิณี จากตารางนี้จะรู้ได้ทันทีว่า

คนเกิดวันอาทิตย์ห้ามตัวอักษรช่อง ๖ (ศ ษ ส ห ฬ ฮ)
คนเกิดวันจันทร์ห้ามตัวอักษรช่อง ๑ (สระทั้งหมด)
คนเกิดวันอังคารห้ามตัวอักษรช่อง ๒ (ก ข ค ฆ ง)
คนเกิดวันพุธกลางวันห้ามตัวอักษรช่อง ๓ (จ ฉ ช ซ ฌ ญ)
คนเกิดวันพฤหัสบดีห้ามตัวอักษรช่อง ๗ (ด ต ถ ท ธ น)
คนเกิดวันศุกร์ห้ามตัวอักษรช่อง ๘ (ย ร ล ว)
คนเกิดวันเสาร์ห้ามตัวอักษรช่อง ๔ (ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ)
คนเกิดวันราหูวันพุธกลางคืนห้ามตัวอักษรช่อง ๕ (บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม)

เวลาตั้งชื่อ ถ้าตั้งชื่อพระ (ฉายา) ท่านให้เอาอักษรวรรคบริวารขึ้นต้น ถ้า เกิดวันจันทร์ก็ขึ้นต้นด้วย ก ข ค ฆ ง ตัวใดตัวหนึ่ง เช่นกมโลขันติปาโล เป็นต้น ถ้าเกิดวันอังคารขึ้นต้นด้วยตัวอักษร จ ฉ ช ซ ฌ ญ ตัวใดตัวหนึ่ง เช่น จันททวโร ฉันทธัมโม เป็นต้น

ถ้าตั้งชื่อฆราวาสหรือชาวบ้านทั่วไปต้องตามเพศ เพศ ชายให้เอาตัวอักษรวรรคเดชตัวใดตัวหนึ่งนำหน้าชื่อ เพศหญิงให้เอาตัวอักษรวรรคศรีตัวใดตัวหนึ่งนำหน้าชื่อ ยกตัวอย่างชายเกิดวันอาทิตย์ อํกษรช่องที่ ๓ (จ ฉ ช ซ ฌ ญ) เป็นเดช ห้ามใช้ตัวอักษรช่อง ๖ (ศ ษ ส ห ฬ ฮ) ชื่อเป็นมงคลอาทิ จิตรดิลก ฉันทกร ชยุตม์ เป็นต้น หญิง เกิดวันอาทิตย์อักษรช่องที่ ๔ (ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ) เป็นศรี ห้ามอักษรช่อง ๖ เช่นเดียวกัน ชื่อที่เป็นมงคลอาทิ ฐิติมา ณัฐกฤตา เป็นต้น

จะไม่ถือเดชถือศรี ใช้อักษรใด สำหรับผู้เกิดวันใดก็ได้ ยกเว้น อักษรกาลกิณี




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น