วันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ทำนายฝัน


ความรู้เกี่ยวกับฝัน
คน เรานั้นเมื่อหลับนอนอาจจะมีนิมิต (ฝัน) มาปรากฏในฝันไปในเรื่องต่างๆ อาจจะมีทั้งให้คุณและเกิดโทษจริงบ้างไม่จริงบ้าง อาจจะมีทั้งให้คุณและเกิดโทษจริงบ้างไม่จริงบ้าง นิมิตบอกโชคลาภบ้าง บอกลางร้ายให้รู้ล่วงหน้าก็มี



ต้นเหตุของความฝัน (เพราะเหตุใดคนเราถึงฝัน) 4 ประการ
  1. บุรพนิมิต
    ความฝันเกิดจากเรื่องราวในอดีตมาปรากฏให้คนนั้นฝันไป มักเป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นจริงมาปรากฏบอกลางหรือโชคลาภ
  2. จิตนิวรณ์
    ความฝันเกิดเพราะมีอารมณ์จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ความฝันอย่างนี้เป็นเพราะอารมณ์จิตใจของผู้ฝันได้ผูกพันกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อยู่อย่างมากตลอดเวลา เมื่อหลับไปก็เกิดความฝันในสิ่งนั้น ในเรื่องนั้น ที่ผู้ฝันฝักใฝ่อยู่ หรือได้พบเห็นแล้วจดจำโดยไม่มีวันลืม
  3. เทพสังหรณ์
    ความฝันเกิด ขึ้นเพราะเทวดาบันดาล ความฝันเช่นนี้เป็นเพราะเทวดาผู้ปกปักรักษาคุ้มครองธรรมะได้ดลบันดาลให้ผู้ ฝันเกิดความฝันไป เพื่อสำแดงแจ้งเหตุการณ์ล่วงหน้า โดยเฉพาะเรื่องมงคล แต่ถ้าเป็นฝันร้ายเรื่องร้ายก็เป็นเหมือนการตักเตือน ผู้ฝันให้ระวังภัยและป้องกัน
  4. ธาตุโขภะ
    ความฝันเกิดเพราะกินมาก นอนมาก จนท้องไส้อืด ท้องขึ้นท้องเฟ้อ ธาตุไม่ย่อย เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เวลานอนหลับไม่สนิทจึงฝันไปไร้สาระไม่มีมูลความจริง หรือให้ประโยชน์แต่อย่างใด
ศาสตร์อันลี้ลับของความฝัน


[INDENT]พระนันทาจารย์ ปราชญ์องค์หนึ่งในพระพุทธศาสนา ผู้แต่งคัมภีร์สารัตถะสังคหะ และเป็นผู้ยืนยันว่า พระอรหันต์ไม่ฝันด้วยเหตุผลดังว่านั้น ได้ระบุมูลเหตุของความฝันไว้ เป็นข้อคิดอยู่ 4 ประการ คือ
  1. ความฝัน เกิดจากธาตุกำเริบ กล่าวคือร่างกายไม่ปกติครั้นหลับลงจึงฝันไปในรูปต่างๆ
  2. ความ ฝันเกิดจากดวงจิตที่ฝังพะวง หรือพัวพันอยู่กับสิ่งหนึ่งก่อนหน้าจะหลับ จึงเก็บเอาสิ่งหนึ่งก่อนหน้าจะหลับ จึงเก็บเอาสิ่งนั้นมาฝัน
  3. เกิดจากอิทธิฤทธิ์ของเทวดา เพราะเทวดาต้องการให้โทษหรือให้คุณ
  4. ฝันโดยเป็นบุรุพนิมิต คือบอกให้รู้ล่วงหน้าว่าจะมีเหตุดีหรือร้ายอย่างหนึ่งอย่างใดขึ้น
คัมภีร์ อธิบายเรื่องฝันของพระนันทาจารย์เล่มนี้ ครั้งหนึ่งได้เคยใช้เป็นหลักสูตร ของตำราทางพระพุทธศาสนาแต่ต่อมาสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรสได้ทรงยกเลิกและใช้เรื่องอื่นแทน

อย่างไรก็ตาม ความฝันก็เป็นเรื่องที่บรรดานักปราชญ์หลายชาติได้ให้ข้อคิดเห็นไว้ต่างๆ นาๆ และไม่ถึงกับจะลงความเห็นว่า ความฝันเป็นเรื่องไร้สาระไปเสียทีเดียวนัก เพราะนักปราชญ์บางคนก็ถึงกับลงทุนค้นคว้า ถึงสมุฏฐาน หรือที่มาของความฝันกันอย่างเคร่งครัด โดยถือเอาว่า ความฝันเป็นจิตวิทยาอย่างหนึ่งของคนเรา ที่จะจ้องศึกษาไว้ จนถึงกับทำเป็นตำรา หรือวิชาความฝันออกมาด้วยกันหลายเล่ม เป็นตำราที่เขียนขึ้นโดยนักปราชญ์ หรือนักจิตวิทยาหลายชนิด และดูเหมือนว่าวิชาเรื่องความฝันนี้ จะเป็นตำราที่เก่าแก่กว่าวิชาอื่นๆ ทั้งหลายในโลกก็ว่าได้
เคล็ดแก้ฝันร้าย
[INDENT]หากคุณฝันร้ายหรือฝันไม่เป็นมงคล ให้ท่องหรือภาวนาคาถานี้ แล้วเรื่องร้ายๆ จะกลับกลายเป็นดี หรือเรื่องร้ายๆ จะบรรเทาเบาบางลง

ให้ท่องนะโม 3 จบก่อน

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)

ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ
โย จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโธ
ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง
พุทธานุภาเวนะ วินาสะเมนตุ ฯ

ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ
โย จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท
ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง
ธัมมานุภาเวนะ วินาสะเมนตุ ฯ

ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ
โย จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท
ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง
สังฆานุภาเวนะ วินาสะเมนตุ ฯ



ความฝันที่เกี่ยวข้องกับตนเอง หรือกับฐานะและสมบัติของตนเอง ในตำราทำนายฝัน มักทำนายไว้ตรงข้ามเสมอ เช่นฝันว่าเป็นเศรษฐี ทายว่าจะยากจนลง หรือฝันว่าได้เงิน มักจะเสียเงิน ฝันว่าถูกตัดศรีษะหรือถูกแทงไส้ไหล กลับถือว่าเป็นฝันดีจะได้ลาภหรือหมดเคราะห์

โดยเหตุนี้ การที่จะถือว่า ฝันชนิดใดเป็นฝันร้ายหรือฝันชนิดใดเป็นฝันดี จึงไม่อาจจะกำหนดแน่นอนในทันทีที่ตื่นจากฝันได้ แต่ส่วนมากการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น