วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ผู้หญิงอ้วนเสี่ยง! เป็นมะเร็งสูง



โรง พยาบาลมหาวิทยาลัยซานซิเลียวของสเปน พบว่าผู้หญิงที่อ้วนเกิน โดยเฉพาะอ้วนจนเสียสุขภาพ จะเสี่ยงกับการเป็นมะเร็งเต้านมตั้งแต่อายุยังน้อยสูงกว่าปกติ


นัก วิจัยได้ศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นคนไข้มะเร็งเต้านม 524 คน ได้พบว่า ความอ้วนเกี่ยวพันกับการถูกวินิจฉัยโรคพบว่าเป็นมะเร็งเต้านม ก่อนหน้านั้น นักวิจัยมหาวิทยาลัยกรานาดาเคยศึกษาพบว่า สตรีที่ถูกวินิจฉัยโรคว่าเป็นมะเร็งตั้งแต่อายุน้อย มักจะมีประจำเดือนเร็วกว่ากำหนดตั้ง 10ปี แสดงว่าการมีประจำเดือนเร็วมีส่วนเกี่ยวพันกับการเป็นมะเร็งทรวงอก โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่อ้วนมากเกินด้วย

ที่มา
http://news.voicetv.co.th/




กล่าวได้ว่ายาลดความอ้วนนั้น เป็นตัวการหนึ่งที่ทำให้ผู้บริโภคเสียชีวิตได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการที่ผู้บริโภคไม่รู้เท่าทันอันตรายที่มากับยาลดความ อ้วน ขณะเดียวกันเพราะการหลงเชื่อโฆษณาชวนเชื่อต่างๆ ตลอดจนยาดังกล่าวหาซื้อได้ง่ายตามร้านขายยาทั่วไป


ดัง นั้นสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จึงได้ออกมาเผยให้ทราบถึงการแบ่งชนิดของยาลดความอ้วนที่มีจำหน่ายมากมายใน ท้องตลาด ทั้งนี้เพื่อใช้เป็นข้อควรระวังในการเลือกรับประทานหรือซื้อยาลดความอ้วนให้ กับผู้ที่นิยมรับประทานยาลดน้ำหนัก

สำหรับยาลดความอ้วน นั้นแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ตามตำแหน่งของการออกฤทธิ์ โดยกลุ่มแรกเป็น ยาออกฤทธิ์ที่ทางเดินอาหาร ได้แก่

1.สารที่พองตัวในกระเพาะอาหารโดย ไม่ถูกย่อยสลายให้เป็นพลังงาน เช่น Glucomannan ซึ่งเป็นแป้งที่เป็นเส้นใยธรรมชาติสกัดจากหัวบุก แม้ไม่พบว่าสารกลุ่มนี้มีอันตรายโดยตรง แต่พบผลทางอ้อม เช่น หากรับประทานโดยดื่มน้ำไม่มากพอ อาจทำให้ทางเดินอาหารอุดตันและทำให้อุจจาระแข็งตัว

2.สารยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไลเปส (Lipase) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ย่อยไขมันให้อยู่ในรูปที่ร่างกายนำไปใช้ได้ ยาลดความอ้วนประเภทนี้ออกฤทธิ์ทำให้ไขมันประมาณ 1 ใน 3 ที่รับประทานเข้าไปไม่ถูกดูดซึม แต่ก่ออาการข้างเคียงคือ ไม่สามารถกลั้นอุจจาระได้ และอุจจาระจะไม่เกาะรวมกัน ขณะเดียวกันก็จะมีก๊าซและไขมันขับออกมาด้วย ทำให้การดูดซึมวิตามินที่ละลายไขมันผิดปกติ

ส่วนกลุ่มที่ 2 เป็นยาออกฤทธิ์ที่สมองส่วนกลาง ซึ่งยากลุ่มนี้เป็นการมุ่งลดความอยากอาหาร หรือทำให้เกิดความรู้สึกอิ่ม โดยเพิ่มสารเคมีในสมองที่มีชื่อว่า Serotonin หรือ Catecholamine ซึ่งออกฤทธิ์ควบคุมความอยากอาหารและอารมณ์ และ ยาลดความอ้วนในกลุ่มที่ 2 นี้เองที่นำไปสู่อาการข้างเคียงที่ส่งผลต่อสุขภาพ บางชนิดส่งผลต่อลิ้นหัวใจ บางชนิดทำให้นอนไม่หลับ กระวนกระวาย ปวดศีรษะ ความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นเร็ว ปากแห้ง เหงื่อออก คลื่นไส้ และหากใช้ไปนานๆ อาจเกิดภาวะติดยาได้

จากผลดังกล่าวนี้ คือสาเหตุที่ทำให้ยาลดความอ้วนบางชนิดถูกเพิกถอนจากทะเบียนตำรับยา ซึ่งบางชนิดเป็นยาที่ห้ามขายในร้านทั่วไป เพราะจัดอยู่ในประเภทสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทที่ต้องสั่งใช้โดยแพทย์เท่า นั้น ซึ่งคำแนะนำที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้บริโภคต้องตรวจสอบ ข้อมูลให้ดี เมื่อคิดที่จะลดความอ้วนโดย "การใช้ยา"

และที่สำคัญไม่ ควรหลงเชื่อคำโฆษณาที่ชี้ชวนให้เห็นแต่ผลดี โดยละเลย "ด้านมืด" ที่ไม่ว่าจะอ้วนแค่ไหนก็ไม่คุ้มพอที่จะเสี่ยง เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าการลดน้ำหนักที่ปลอดภัยนั้นยังมีวิธีอยู่มากมาย แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายแต่อย่างไรก็ควรที่จะใจเย็นๆ เพราะการลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายการควบคุมอาหารนั้น จะให้ผลยั่งยืนกว่าการใช้ยานั่นเอง

ที่มา
http://www.vcharkarn.com/

สถิติหญิงไทยอ้วนลงพุงแซงหน้าชาย



กรมอนามัย เผยหญิงไทยมีปัญหาความอ้วนพุ่งสูงถึงร้อยละ 58 แซงโค้งผู้ชายแล้ว โดยเฉพาะวัยรุ่นอายุ 15 ปีขึ้นไป สาเหตุจากการบริโภคอาหารไม่ถูกต้อง

ข้อมูล จากกรมอนามัยที่ได้รับการยืนยันจากนายแพทย์สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย ระบุชัดเจนว่า ขณะนี้คนไทยมีภาวะอ้วน และลงพุงเพิ่มมากขึ้น โดยในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา พบกลุ่มที่น่าวิกฤตที่สุดก็คือกลุ่มวัยรุ่นอายุ 15 ปีขึ้นไป โดยพบว่าเพศหญิงทั่วประเทศมีรอบเอวเกิน 80 เซนติเมตร สูงถึงร้อยละ 58 ส่วนเพศชายมีรอบเอวเกิน 90 เซนติเมตร เพียงร้อยละ 34 เท่านั้น

ขณะ ที่กลุ่มอายุ 20-29 ปี มีภาวะโรคอ้วนเพิ่ม 7.5 เท่าตัว จากร้อยละ 2.9 เป็นร้อยละ 21.7 ส่วนในกลุ่มอายุ 40-49 ปี อ้วนเพิ่มขึ้น 1.7 เท่า หากไม่เร่งควบคุมประเทศไทยจะมีคนอ้วนเพิ่มหลายเท่าตัว และกลายเป็นประเทศแห่งการสะสมโรคภัย

สำหรับสาเหตุที่ทำให้คนไทยอ้วน เพิ่มขึ้นเนื่องมาจากการกินอาหารไม่ถูกต้อง โดยกินอาหารรสหวาน มัน เค็ม เพิ่มขึ้น แต่กินผัก ผลไม้น้อย ที่สำคัญยังขาดการออกกำลังกาย การเผาผลาญไขมันในร่างกายจึงไม่เพียงพอกับอาหารที่บริโภคเข้าไป

นายแพทย์สมยศ ยังเผยผล การวิจัยที่ได้รับการยืนยันจากต่างประเทศ ว่าคนอ้วนมีส่วนทำให้โลกร้อนเพิ่มขึ้น จากความต้องการพลังงานในแต่ละวันสูงกว่าคนทั่วไป ส่งผลให้ต้องมีการทำการเกษตรมากขึ้น เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่ม และยังมีปัญหากับการเดินทาง เพราะคนอ้วนจะต้องใช้เชื้อเพลิงมากขึ้น เครื่องยนต์ต้องทำงานหนักจากการแบ่งรับน้ำหนัก รวมถึงการใช้อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆจะมีมากกว่าคนปกติ โดยเฉพาะการเปิดแอร์ เพราะร้อนง่ายด้วย


ข้อมูลจาก :



สธ.เตือน3อาหารเสริมใส่ยาลดความอ้วนทำให้ความดันสูง-หัวใจเต้นเร็ว



"จุรินทร์"รมว.สธ. เตือนอาหารเสริม 3 รายการใส่ยาลดความอ้วนควบคุมพิเศษ ทำให้ความดันโลหิตสูง และหัวใจเต้นเร็ว

นาย จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรืออย.เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากสถานที่จำหน่ายอาหารบริษัท เฮลท์ ดี ดี อินเตอร์ จำกัด มาตรวจสอบพบไซบูทรามีน ซึ่งเป็นยาลดความอ้วนและเป็นยาควบคุมพิเศษที่ต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์และขายได้ เฉพาะในสถานพยาบาลเท่านั้น

ทางอย.ได้ออกประกาศผลตรวจเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2553 พบไซบูทรามีนจำนวน 3 รายการ ดังนี้

1. ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทเวนตี้โฟร์ เชฟ สารสกัดจากส้มแขก ผสมแอล-ออร์นิทีน, แอล-ไลซีน, แอล-อาร์จินีน, เคลป์, สารสกัดจากมะขามป้อม, วิตามินซี, วิตามินบี 6 และโครเมียม เลขสารบบอาหาร 12-1-05551-1-0001 ผลิตโดยบริษัทไอพรีเฟอร์ยู จำกัด จัดจำหน่ายโดยบริษัทเฮลท์ ดีดี อินเตอร์ จำกัด รุ่น 01A09 MFD 09/04/52 EXP09/04/54 ตรวจพบ "ไซบูทรามีน"

2. ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ไฟว์ เชฟ สรรพคุณอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ เหมาะสำหรับผู้ควบคุมน้ำหนัก ติดสติ๊กเกอร์ Manufactured by I Prefer You Co., Ltd. จัดจำหน่ายโดยบริษัท เฮลท์ ดี ดี อินเตอร์ จำกัด บรรจุ 40 แคปซูล ฉลากไม่ระบุเลขสารบบอาหาร บนแผงพิมพ์แจ้ง "5 SHAPE BATCH 001 MFG.25/05/52 EXP.25/05/54" พบว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเลขสารบบอาหารจากสำนักงานคณะ กรรมการอาหารและยา ไม่แสดงชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิตเป็นภาษาไทย และไม่แสดงคำเตือน อีกทั้งตรวจพบ "ไซบูทรามีน"

3. ผลิตภัณฑ์กาแฟปรุงสำเร็จชนิดผง กาแฟคาปูชิโน่ ตรา ทเวนตี้โฟร์ เลขสารบบอาหาร 12-1-05551-2-0001 ผลิตโดยบริษัทไอพรีเฟอร์ยู จำกัด จัดจำหน่ายโดยบริษัท เฮลท์ ดี ดี อินเตอร์ จำกัด BATCH 002 MFG. 11/06/09 EXP. 11/06/11 มีสติ๊กเกอร์ติด "กาแฟ 24 คาปูชิโน่ สูตรเห็ดหลินจือ" ตรวจพบ "ไซบูทรามีน"

นอกจากนี้นายจุรินทร์ระบุอีกว่า การพบยาไซบูทรามีนในอาหารเป็นอันตรายต่อสุขภาพ จัดเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์ ซึ่งผู้ใดผลิต นำเข้าเพื่อจำหน่าย หรือจำหน่ายอาหารไม่บริสุทธิ์ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับกรณีการผลิตหรือจำหน่ายอาหารที่มีการแสดงฉลากไม่ถูกต้อง จะมีโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท และกรณีเข้าข่ายการผลิตหรือจำหน่ายอาหารปลอม ซึ่งเป็นอาหารที่มีการแสดงฉลากเพื่อลวงให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดว่าได้รับเลข สารบบอาหารแล้ว จะมีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 10 ปีและปรับตั้งแต่ 5,000 บาทถึง 100,000 บาท ทั้งนี้ อย. ได้สั่งให้ทางบริษัทงดจำหน่ายและเรียกคืนผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดังกล่าว พร้อมดำเนินการตามกฎหมายต่อไปแล้ว พร้อมขอให้ผู้บริโภคระมัดระวังในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและอย่า ซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทั้ง 3 รายการในรุ่นการผลิตดังกล่าวมาบริโภค เนื่องจากอาจเป็นอันตรายหรือไม่ปลอดภัยต่อร่างกายและยังไม่ได้รับอนุญาตเลข สารบบอาหารจาก อย. ส่วนผลข้างเคียงที่พบบ่อยคือ ความดันโลหิตสูง และหัวใจเต้นเร็ว แม้จะไม่มากนักแต่มีผลให้ผู้ป่วยประมาณร้อยละ 5 จำเป็นต้องหยุดยา ส่วนผลข้างเคียงอื่น ๆ ได้แก่ ปากแห้ง ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ และท้องผูก โดยยานี้ไม่ควรใช้ในผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือด ผู้ป่วยที่ควบคุมความดันโลหิตไม่ดี ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบ ผู้ป่วยโรคตับ ผู้ป่วยโรคไต ผู้ที่มีโรคต้อหิน รวมไปถึงหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร เป็นต้น

หากผู้บริโภคพบเห็น ผลิตภัณฑ์รุ่นดังกล่าววางจำหน่าย หรือแม้กระทั่งพบการโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหลอกลวงผู้บริโภคให้ร้องเรียน มายังสายด่วน อย. โทร 1556 อีเมล์ 1556@fda.moph.go.th หรือสามารถมาร้องเรียนได้ด้วยตัวเองที่ศูนย์เฝ้าระวังและรับเรื่องร้องเรียน ผลิตภัณฑ์สุขภาพ อย. อาคาร 1 ชั้น 1 ทุกวันเวลาราชการ เพื่อ อย. จะได้ตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ข้อมูลข่าวจากhttp://www.thaipbs.or.th/Crime/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น